ท่องเที่ยวหนองจอก (Nongchoktravel)

 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  

ธารน้ำใสสะอาด  พฤกษชาติเขียวขจี  พื้นที่กว้างใหญ่  มหาวิทยาลัยระดับชาติ  ผดุงบทบาท "บรม" "บวร"  พัฒนาประชากรหนองจอก ... ประพันธ์โดย อ.อั๊ดนาน นีละไพจิตร ข้าราชการบำนาญ

   Main webboard   »   แหล่งท่องเที่ยวในเขตหนองจอก
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  
Started by
Topic:   พาครอบครัวสัมผัสวิถีชีวิตโบราณ ที่ตลาดสามชุก  (Read: 1637 times - Reply: 0 comments)   
luise

Posts: 62 topics
Joined: 16/8/2552

พาครอบครัวสัมผัสวิถีชีวิตโบราณ ที่ตลาดสามชุก
« Thread Started on 1/1/2554 18:45:00 IP : 124.120.66.198 »
 
 Share
       สวัสดีครับคุณผู้อ่าน และผู้ตามติดข่าวสาร Life and Family ทุกท่าน วันนี้คอลัมน์คอร์สวันว่าง มารายงานตัวครับ สำหรับสัปดาห์นี้มี 1 สถานที่ตัวเลือกสำหรับครอบครัวที่ยังคิดโปรแกรมไปเที่ยวไม่ออก สถานที่ต่อไปนี้ บอกได้เลยว่า เป็นสถานที่ที่อยู่ในตัวจ.สุพรรณบุรี ลักษณะเป็นตลาดไม้โบราณ มีอายุเกินกว่าร้อยปี มีสินค้าโบราณหลากหลายชนิดให้ได้เลือกลิ้มชิม พร้อมเรียนรู้ไปกับแหล่งรวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ
       
       
ใบ้ให้ขนาดนี้แล้ว คงจะเป็นอื่นใดไปไม่ได้ นอกจาก "ตลาดสามชุก หรือตลาดโบราณ 100 ปี" สถานที่กินเที่ยวสำหรับทุกครอบครัวที่ชอบความเป็นไทย และชอบกลิ่นอายของวิถีโบราณ ไม่ว่าจะของกิน ของใช้ หรือแม้แต่ของเล่นในยุคสมัยเก่าก่อน เช่น ลูกข่าง ตุ๊กตุ๋น หรืออื่นๆ ก็ยังสามารถหาซื้อได้ที่ตลาดแห่งนี้
       
       เมื่อพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจ.สุพรรณบุรี อย่างตลาดสามชุก หรือตลาดโบราณ 100 ปี สถานที่แห่งนี้ ยังคงภาพ และบรรยากาศของตลาดโบราณ รวมถึงกลิ่นอายของวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่การเรียนรู้ ให้เด็ก และเยาวชน ได้ศึกษาถึงรากเหง้า และการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน และชุมชนในเรื่องความเพียงพอได้เป็นอย่างดี
       
       สำหรับ การเดินทางมา ณ ตลาดสามชุก 100 ปี ขอบอกว่าไม่ยากครับ เพียงขับรถจากกรุงเทพฯ ผ่านอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ไปจนถึงตัว จ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 กม. ตรงไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้าอ.สามชุก ซึ่งตัวตลาดจะอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณ (แม่น้ำท่าจีน) ติดกับที่ว่าการอ.สามชุก ใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็ถึงที่หมายแล้ว
       
       เมื่อ ทีมงานได้เดินมาถึงที่ตัวตลาด ภาพแรกที่เห็น บรรยายได้ว่า เป็นห้องแถวไม้ 2 ชั้น เรียงยาวตลอด 2 ฝั่งทาง คึกคักไปด้วยร้านค้าขายของโบราณที่บอกเล่าเรื่องราวของคนในอดีตได้เป็นอย่าง ดี เนื่องจากในอดีตเคยเป็นเมืองท่าริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนที่เจริญแห่งหนึ่งเลยก็ ว่าได้ โดยมีพ่อค้า และผู้คนสัญจรไปมาอย่างคึกคัก รวมทั้งเคยมีธนาคารถึง 7 แห่งมาก่อนด้วย

       ซอย หลักในตลาดสามชุกว่า ดูจากแผนที่ตลาดแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ซอยจากทั้งหมด 5 ซอย เริ่มจาก ซอยที่ 1 คุณและครอบครัวจะได้เห็นเรือนแถวไม้เก่า ฉลุด้วยลายไม้ที่เรียกว่า "ขนมปังขิง"เท่าที่พบในตลาดมีถึง 19 ลายซึ่งเป็นศิลปะตกแต่งอาคารไม้โบราณที่หาดูได้ยาก แสดงถึงภูมิปัญญาของชาวบ้านเรื่องช่องระบายอากาศได้เป็นอย่างดีทีมงานได้ ความรู้จากเจ้าหน้าที่ของตลาด)

ตลาดสามชุก ตลาดโบราณร้อยปี ริมแม่น้ำท่าจีน

ตลาดสามชุก ตลาดโบราณร้อยปี ริมแม่น้ำท่าจีน

       ถัดออกมา คุณจะได้กลิ่นหอมโชยของ "ร้านกาแฟท่าเรือส่ง หรือร้านเจ๊หมวยเล็ก" ซี่งเปิดมานานกว่า 62 ปี โดยมีเอกลักษณ์โดดเด่นคือ กาแฟที่ขายจะคั่วเองและขายในราคาถูก เพียงแก้วละ 10 บาทเท่านั้นถ้าใครหิวก็สั่งเป็นแก้วกินกันได้ มีทั้งเย็น และร้อน ตามแต่จะชอบส่วนเด็กก็มีทั้งโอวันตินร้อน และเย็น กินกันให้หนำใจ
       
       เมื่อกินอิ่มแล้ว เดินเข้า ซอย 2 จะพบโรงแรมอุดมโชคซึ่งยังเปิดให้บริการพักอาศัยอยู่ ขณะที่ด้านตรงข้ามจะพบบ้านเถ้าแก่เซ็งมีลานโพธิ์ หรือลานสภาประชาธิปไตยไว้เป็นที่ประชุมและแสดงความคิดเห็นของคนในชุมชน
       
       ฝั่งเดียวกันนี้ จะพบพิพิธพันธ์บ้านขุนจำนงจีนารักษ์ซึ่งอดีตเคยเป็นบ้านนายภาษีอากรคนแรก และเป็นผู้บุกเบิกตลาดสามชุกตัวบ้านมี ลักษณะ 3 ชั้น ภายในมีเรื่องราวบอกเล่าความเป็นมาของตลาดแบบจำลองตลาด 100 ปี รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้โบราณที่หาดูได้ยาก
       
       และถ้าเดินเข้า ซอย 3 จะพบร้านศิลป์ธรรมชาติเป็นร้านถ่ายรูปย้อนยุค และกล้องโบราณที่มีอายุรวมถึง 59 ปีเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เพราะจะถ่ายด้วยกล้องไม้รวมทั้งใช้ขั้นตอนการล้างแบบวิธีโบราณ
       
       สำหรับครอบครัวที่ชอบเล่นกล้อง หรือมีลูกที่ชอบถ่ายภาพคงตอบสนองความสุขได้ไม่น้อย เพราะภายในร้าน จะมีกล้องหลายชนิดให้เลือกชมและถ้าครอบครัวไหนอยากถ่ายภาพย้อนยุค ก็สามารถถ่ายได้ครับซึ่งทางร้านจะมีชุดย้อนยุคให้เปลี่ยน รับรองได้ว่า ภาพที่ออกมา คุณและลูกจะรู้สึกว่า เหมือนได้ย้อนกลับไปอยู่ในยุคนั้นจริงๆ ไม่เชื่อก็ลองดูครับ(ภาพออกมาสวยไม่แพ้ภาพสีจากกล้องดิจิตอลเลยครับ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ)
       
เลือกชมของเล่นโบราณที่หาซื้อได้ยาก

เลือกชมของเล่นโบราณที่หาซื้อได้ยาก

       นอก จากนี้ จากการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมตลาดแห่งนี้มีแนววิถีที่ไม่เหมือนกับตลาดอื่น ตรงที่การมีส่วนร่วมความเหนียวแน่น และการพึ่งพาอาศัยกันของชาวบ้าน เวลามีอะไรพวกเขาช่วยกันแม้ความเจริญ เช่น ห้างสรรพสินค้าจะเข้ามาทำธุรกิจ พวกเขาก็จะไม่ซื้อแต่จะช่วยกันอุดหนุนกันเองทำให้ตลาดแห่งนี้มีอายุยืนยาว เกินร้อยปีให้รุ่นหลายได้เห็นกันในวันนี้เรียกได้ว่า ตลาดสามชุก ตลาดมีชีวิตอบอวลกลิ่นชีวาโบราณที่ไม่เคยจางหายไปจากเดิม
       

       อย่างไรก็ดี ทีมงานขอแนะนำทุกครอบครัวให้ไปเดินตลาดกันในช่วงสายๆ หน่อย เนื่องจากแดด และอากาศกำลังดีไม่อบอ้าวเกินไป อีกอย่างของที่ขายมีให้เลือกซื้อหลากหลาย โดยเฉพาะของกินเอาเป็นว่าทีมงานขอให้การพักผ่อนในครั้งนี้ มีความปลอดภัยทั้งทางขาไปและขากลับนะครับ ที่สำคัญขอให้มีความสุข และเต็มอิ่มกับวันหยุด 2วันนี้ด้วยที่มา ASTV ผู้จัดการออนไลน์
 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

กรุณาเข้าสู่ระบบหรือสมัครสมาชิกก่อนโพสข้อความค่ะ
»
คลิ๊กที่นี่
   Main webboard   »   แหล่งท่องเที่ยวในเขตหนองจอก
 ย้อนกลับ  |  ตั้งกระทู้ใหม่  


   


สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาเยือนเว็บท่องเที่ยวหนองจอกครับ 

ผมมีความยินดีภูมิใจนำเสนอเขตหนองจอกที่เป็นพื้นที่หนึ่งในกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก และเป็นหนึ่งในเขตที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ  แต่คุณรู้มั้ยครับว่าเขตชานเมืองอย่างหนองจอกนั้นมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ยังประกอบอาชีพเกษตรกรรมกันอยู่  และมีสภาวะแวดล้อมที่คล้ายกับต่างจังหวัดอย่างฉะเชิงเทราอีกด้วย

เขตหนองจอก (Nongchok District) ได้รับการสถาปนาเป็นอำเภอครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2440 (1897)  ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดมีนบุรีโดยได้มีการอพยพชาวไทยมุสลิมจากบริเวณ 7 หัวเมืองภาคใต้ มาตั้งรกรากทำมาหากินตามแนวคลองแสนแสบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาเป็นแม่กองจ้างชาวจีนขุดลอกขยายคลองเพื่อเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ในการเดินเรือ  ครั้นต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งบริษัทคูสยามขึ้นและได้สัมปทานขุดลอกคลองต่างๆ เพื่อประโยชน์ในทางกสิกรรมจึงมีผู้อพยพตั้งถิ่นฐานมากขึ้นตามลำดับ  ในปีพ.ศ. 2499 ร.ต.ต.ยรรยง ธีรรัช นายอำเภอสมัยนั้นเห็นว่าที่ตั้งของอำเภอไม่เหมาะสมกับสภาพท้องที่ ประกอบกับอาคารที่ว่าการอำเภอชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก  จึงได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปสร้างในที่แห่งใหม่ ณ บริเวณหมู่ 2 แขวงกระทุ่มราย ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานเขตในปัจจุบัน เดิมเป็นอาคารไม้สองชั้น  ต่อมาปีพ.ศ. 2523  ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารคอนกรีต 3 ชั้นหลังใหม่เพิ่มเติมในบริเวณใกล้เคียงกับอาคารหลังเดิม มีทางเดินเชื่อมต่อระหว่างกัน  ต่อมาได้ทำการรื้อถอนอาคารหลังเดิมเมื่อต้นปี พ.ศ. 2532  และมีพิธีเปิดอาคารหลังใหม่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2533

หมายเหตุ  อำเภอหนองจอก เปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ว่า เขตหนองจอก ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 335 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515

ที่มา : แผ่นพับประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเขตหนองจอก  กองการท่องเที่ยว


จังหวัดมีนบุรี ขึ้นกับมณฑลกรุงเทพ ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2444 โดยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองสามวา อำเภอแสนแสบ อำเภอหนองจอก และอำเภอเจียรดับ (ปัจจุบันอยู่ในเขตหนองจอก)

ต่อมาในปี พ.ศ. 2474 จังหวัดมีนบุรีได้ถูกยุบรวมเข้ากับจังหวัดพระนคร เพื่อประหยัดงบประมาณราชการ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 1อำเภอที่เป็นที่ตั้งของจังหวัดมีนบุรีเดิมจึงมีชื่อเรียกว่า อำเภอมีนบุรี และได้รับเอาท้องที่ตำบลแสนแสบจากอำเภอลาดกระบังมาอยู่ในการปกครองในปีพ.ศ.2500

จากนั้นอำเภอมีนบุรีได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็นเขตมีนบุรี เมื่อมีการรวมจังหวัดพระนครกับจังหวัดธนบุรีเข้าด้วยกันเป็นกรุงเทพมหานครในปีพ.ศ. 2515 แบ่งเขตการปกครองย่อยเป็นแขวง รวม 7 แขวง จนในที่สุด ปี พ.ศ. 2540 ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทยเปลี่ยนแปลงพื้นที่เขตมีนบุรี แยก 5 แขวงทางด้านเหนือของเขต ไปจัดตั้งเป็นเขตคลองสามวา ทำให้เขตมีนบุรีเหลือพื้นที่ปกครองอยู่ 60 ตารางกิโลเมตรเศษ ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของกรุงเทพมหานคร

ที่มาจาก : wikipedia.org



Advertising Zone    Close

Online: 3 Visits: 464,087 Today: 193 PageView/Month: 1,780

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...